มาตรการและข้อกำหนดในการเดินทางเข้าประเทศไทย (ล่าสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565)

มาตรการและข้อกำหนดในการเดินทางเข้าประเทศไทย (ล่าสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565)

วันที่นำเข้าข้อมูล 31 มี.ค. 2565

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 31 มี.ค. 2565

| 5,137 view

พัฒนาการล่าสุด

ประเทศไทยได้อนุญาตให้ผู้เดินทางจากทุกประเทศที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนตามเกณฑ์ที่กำหนดแล้วสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยภายใต้รูปแบบ Test and Go (เข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว) ได้ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป

(ลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand Pass ที่ tp.consular.go.th ได้ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมควบคุมโรค สมาคมโรงแรมไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะใช้เวลาพิจารณาการลงทะเบียนเพื่ออนุมัติ QR Code ประมาณ 3 – 7 วัน ผู้เดินทางสามารถติดตามสถานะการลงทะเบียนได้จากโรงแรมที่ท่านเลือกใช้บริการ)

ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 เป็นต้นไป  
1. ผู้เดินทางที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยทุกคนไม่จำเป็นต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ผู้เดินทางยังต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อฯ แบบ RT-PCR เมื่อเดินทางถึงประเทศไทย (วันที่ 1 สำหรับ Test and Go และ Sandbox หรือวันที่ 4 - 5 สำหรับ AQ)
2. สำหรับผู้เดินทางที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือฉีดวัคซีนไม่ครบถ้วน สามารถเดินทางเข้าไทยในรูปแบบ Alternative Quarantine (AQ) โดยจะต้องเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 5 วัน (จากเดิม 10 วัน)
3. สำหรับผู้เดินทางเข้าไทยในรูปแบบ Sandbox สามารถเดินทางต่อไปยังจังหวัดอื่น ๆ หลังจากพำนักในพื้นที่ Sandbox ครบ 5 วันแล้ว (จากเดิม 7 วัน)
 
 
ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ประกาศเปลี่ยนแปลงสำหรับมาตรการ Test and Go ดังนี้ 
(1) ยกเลิกการจองโรงแรม และตรวจ RT-PCR ของวันที่ 5 โดยให้เปลี่ยนเป็นการตรวจ ATK ด้วยตนเอง พร้อมรายงานผลผ่านแอปพลิเคชันหมอชนะ
ทั้งนี้ ผู้เดินทางยังคงต้องจองโรงแรม SHA Extra+/AQ ในวันที่เดินทางถึง (วันที่ 1) โดยรวมค่าตรวจ RT-PCR 1 ครั้ง ชุดตรวจ ATK 1 ชุด และพาหนะรับส่งจากสนามบิน
(2) กรณีชาวต่างชาติ ปรับลดเงินคุ้มครองประกันภัยจาก 50,000 USD เหลือ 20,000 USD
ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทะเบียนขอ Thailand Pass ก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2565 สามารถใช้ QR code เดิมที่ได้รับเพื่อเดินทางได้ และติดต่อกับทางโรงแรมโดยตรง เพื่อขอ refund สำหรับที่พักวันที่ 5
 

*******

 

ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยทุกคนจะต้องลงทะเบียนและอัปโหลดเอกสารส่วนบุคคลในระบบ Thailand Pass ผ่านทางเว็บไซต์ https://tp.consular.go.th/ โดยควรลงทะเบียนล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน (1 สัปดาห์) ก่อนวันออกเดินทาง เมื่อลงทะเบียนเสร็จสิ้นและผู้เดินทางได้รับการอนุมัติการลงทะเบียนจากเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคแล้ว ผู้เดินทางจะได้รับคิวอาร์โค้ด (QR code) เพื่อใช้ในการเดินทางกลับเข้าประเทศไทย

 

รูปแบบการเดินทางเข้าประเทศไทยสำหรับผู้เดินทางจากโมซัมบิก 

ปัจจุบัน ผู้เดินทางเข้าประเทศไทยจากโมซัมบิก มีทางเลือกในการเดินทางเข้าไทย 3 รูปแบบ ได้แก่ (1) เข้าร่วมโครงการเทส แอนด์ โก (Test and Go) (2) เข้าพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว หรือแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox) และ (3) การกักตัวในโรงแรมที่กำหนด (AQ)  

 

1. เข้าร่วมโครงการ TEST AND GO (การเข้าไทยแบบไม่กักตัว สำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบถ้วนตามเกณฑ์ของประเทศไทย)

เงื่อนไขการเข้าพักสำหรับโครงการ Test and Go
- ไม่ต้องเข้ารับการกักกันตัวเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย แต่ต้องจองโรงแรม SHA Extra+ หรือ โรงแรม AQ จำนวน 1 คืน (สำหรับวันแรกที่เดินทางถึง) เพื่อพักรอผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 

- เมื่อเดินทางถึง ผู้เดินทางจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR และต้องพักอยู่ในห้องพักของโรงแรมที่จองไว้จนกว่าจะได้รับทราบผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบ (ไม่พบเชื้อ)

 

เอกสารที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางเข้าร่วมโครงการ Test and Go

1) ไทยแลนด์พาส คิวอาร์โค้ด (Thailand Pass QR code)

2) หนังสือเดินทาง

3) เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามข้อกําหนด

4) หลักฐานการจองโรงแรม SHA Extra + / AQ จำนวน 1 คืน (สำหรับวันแรกที่เดินทางถึงประเทศไทย) ซึ่งรวมค่าตรวจ RT-PCR 1 ครั้ง และรถรับส่งจากสนามบิน-โรงแรมในวันที่มาถึง

5) (เฉพาะชาวต่างชาติ) เอกสารประกันที่มีวงเงินคุ้มครองขั้นต่ำ 20,000 USD

6) (เฉพาะชาวต่างชาติ หากจําเป็น) วีซ่า

** ผู้เดินทางอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับวัคซีนไม่ครบถ้วนตามเกณฑ์ต้องเดินทางพร้อมผู้ปกครองเท่านั้น

*** ผู้เดินทางอายุ 12-17 ปีที่ได้รับวัคซีนแล้ว 1 เข็ม สามารถเดินทางด้วยตนเองได้

 

2. เข้าพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว (SANDBOX PROGRAMME) สำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบถ้วนตามเกณฑ์ของประเทศไทย

พื้นที่ Sandbox ปัจจุบัน ได้แก่
(1) จ.ภูเก็ต จ.กระบี่ จ.พังงา และ จ.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะเต่า และเกาะพะงัน)
(2) จ.ชลบุรี (เมืองพัทยา อ.บางละมุง อ.ศรีราชา อ.สัตหีบ เฉพาะ ต.นาจอมเทียน และ ต.บางเสร่ และเกาะสีชัง)
(3) จ.ตราด (เกาะช้าง)

 

เงื่อนไขการเข้าพักในพื้นที่ Sandbox

- ต้องอยู่ในพื้นที่ Sandbox เป็นเวลา 5 วัน จึงสามารถเดินทางไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของประเทศไทยได้

- เมื่อเดินทางถึง ผู้เดินทางจะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR และต้องพักอยู่ในห้องพักของโรงแรมที่จองไว้จนกว่าจะได้รับทราบผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นลบ (ไม่พบเชื้อ)

 

เอกสารที่ต้องเตรียมก่อนเดินทางเข้าพื้นที่ Sandbox

1) ไทยแลนด์พาส คิวอาร์โค้ด (Thailand Pass QR code)

2) หนังสือเดินทาง

3) เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามข้อกําหนด

4) หลักฐานการจองโรงแรม SHA Extra + / AQ 5 วันพร้อมค่าตรวจ RT-PCR 2 ครั้งและรถรับส่งจากสนามบิน-โรงแรม

5) (เฉพาะชาวต่างชาติ) เอกสารประกันที่มีวงเงินคุ้มครองขั้นต่ำ 20,000 USD

6) (เฉพาะชาวต่างชาติ หากจําเป็น) วีซ่า

** ผู้เดินทางอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับวัคซีนไม่ครบถ้วนตามเกณฑ์ต้องเดินทางพร้อมผู้ปกครองเท่านั้น

*** ผู้เดินทางอายุ 12-17 ปีที่ได้รับวัคซีนแล้ว 1 เข็ม สามารถเดินทางด้วยตนเองได้

 

ข้อควรรู้สำหรับการเดินทางเข้าพื้นที่ Sandbox ที่ จ.ภูเก็ต กระบี่ และพังงา

- จองและจ่ายค่าห้องพักที่โรงแรม SHA Extra+ ในภูเก็ต/กระบี่/พังงา อย่างน้อย 5 วัน หลักฐานการจองจะต้องระบุว่ารวมค่ารถรับจากสนามบิน (Airport Pick up) ด้วย (ไม่สามารถจองผ่าน booking.com ได้) 

- ต้องมีหลักฐานการชำระค่าตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR จำนวน 1 ครั้ง จากระบบ www.thailandpsas.com

- ในช่วง 5 วัน สามารถพักโรงแรมได้สูงสุด 3 โรงแรม โดยสามารถเดินทางและเข้าพักข้ามจังหวัดในพื้นที่ sandbox ได้ (ภูเก็ต/กระบี่/พังงา/เกาะสมุย เกาะเต่า และเกาะพะงัน)

- ผู้เดินทางสามารถบินตรงจากต่างประเทศไปยังสนามบินภูเก็ต หรือ เปลี่ยนเที่ยวบินที่กรุงเทพฯ ได้ แต่ต้องต่อเครื่องกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เที่ยวบินที่ PG5275 หรือ PG5279 เท่านั้น โดยต้องจองตั๋วเครื่องบินในเส้นทางบิน แอฟริกา-กรุงเทพฯ-ภูเก็ต ในตั๋วฉบับเดียวกัน (single booking) และตั๋วต้องออกโดยสายการบินเท่านั้น

 

ข้อควรรู้สำหรับการเดินทางเข้าพื้นที่ Sandbox ที่เกาะสมุย เกาะเต่า และเกาะพะงัน

- จองและจ่ายค่าห้องพักที่โรงแรม SHA Extra+ ในพื้นที่ อย่างน้อย 5 วัน หลักฐานการจองโรงแรมจะต้องรวมค่ารถรับจากสนามบิน (airport pick up) และค่าตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR จำนวน 1 ครั้ง

- ในคืนแรกจะต้องเข้าพักในโรงแรมที่ตั้งอยู่ที่เกาะสมุยเท่านั้น ส่วนอีก 6 คืนที่เหลือจะพักที่เกาะสมุย เกาะเต่า หรือเกาะพะงันก็ได้

- เมื่อได้รับผลตรวจหาเชื้อเป็นลบ (ไม่พบเชื้อ) แล้ว จึงสามารถเดินทางไปพักที่โรงแรมในเกาะเต่า/เกาะพะงันได้

- ผู้เดินทางสามารถบินตรงจากต่างประเทศไปยังสนามบินเกาะสมุย หรือ เปลี่ยนเที่ยวบินที่กรุงเทพฯ ได้ แต่ต้องต่อเครื่องกับสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เที่ยวบินที่ PG5125 หรือ PG5171 เท่านั้น โดยต้องจองตั๋วเครื่องบินในเส้นทางบิน แอฟริกา-กรุงเทพ-เกาะสมุย ในตั๋วฉบับเดียวกัน (single booking) และตั๋วต้องออกโดยสายการบินเท่านั้น 

 

3. การกักกันตัวในโรงแรมกักตัวที่กำหนด (ALTERNATIVE QUARANTINE – AQ)

 

เงื่อนไขการเข้ากักกันตัว

- กักตัว 5 วัน สําหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบตามข้อกําหนด และ ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับไม่ครบตามข้อกำหนด

 

เอกสารที่ต้องเตรียมก่อนเดินทาง

1) ไทยแลนด์พาส คิวอาร์โค้ด (Thailand Pass QR code)

2) หนังสือเดินทาง

3) หลักฐานการจองโรงแรม AQ 5 วันพร้อมค่าตรวจ RT-PCR 1 ครั้งและรถรับส่งจากสนามบิน-โรงแรม

4) (เฉพาะชาวต่างชาติ) เอกสารประกันที่มีวงเงินคุ้มครองขั้นต่ำ 20,000 USD  

5) (เฉพาะชาวต่างชาติ หากจําเป็น) วีซ่า

 

-----------------------------------------------------------

 

การจองที่พัก

1) โรงแรม SHA Extra+

สามารถดูรายชื่อโรงแรม SHA Extra+ ได้ที่ https://web.thailandsha.com/shaextraplus

แนะนำให้จองห้องพักกับโรงแรมโดยตรง และก่อนจองห้องพักควรสอบถามโรงแรมให้แน่ใจว่าเป็นโรงแรมมาตรฐาน SHA Extra+ หรือไม่ และโรงแรมเข้าร่วมรับผู้เดินทางที่จะเข้าพื้นที่ Sandbox หรือไม่

 

2) โรงแรมกักตัวที่กำหนด หรือ โรงแรม AQ (Alternative Quarantine)

สามารถดูรายชื่อโรงแรม AQ ได้ คลิกที่นี่

การจองโรงแรมสามารถจองกับโรงแรมได้โดยตรง (แนะนำให้จองด้วยวิธีนี้) หรือจองผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนี้

(1) https://asqthailand.com/

(2) https://asq.locanation.com/

(3) https://asq.ascendtravel.com/

(4) https://www.agoda.com/quarantineth

 

-----------------------------------------------------------

 

การเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเปลี่ยนเที่ยวบินไปยังประเทศที่สาม

ปัจจุบัน ประเทศไทยอนุญาตให้ผู้เดินทางที่จะเดินทางไปยังประเทศปลายทางสามารถเปลี่ยนเที่ยวบินที่สนามบินในกรุงเทพฯ ได้ (ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ และ สนามบินดอนเมือง) โดยจะต้องอยู่ภายในสนามบินไม่เกิน 24 ชั่วโมง และกระเป๋าสัมภาระต้องได้รับการจัดการส่งต่อไปยังเที่ยวบินถัดไปโดยผู้เดินทางไม่ต้องออกมารับกระเป๋าและเช็คอินเพื่อขึ้นเครื่องอีก (ไม่ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง (ตม.))

 

ผู้เดินทางที่จะเปลี่ยนเที่ยวบินไปยังประเทศที่สามไม่ต้องขอ Thailand Pass แต่ต้องแสดงเอกสารต่อสายการบิน ดังนี้

  1. หนังสือเดินทาง
  2. ผลตรวจหาเชื้อโควิดแบบ RT-PCR ที่ออกภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง หรือ เอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบตามข้อกําหนด
  3. (เฉพาะชาวต่างชาติ) เอกสารประกันที่มีวงเงินคุ้มครองขั้นต่ำ 20,000 USD

 

* * * * * * *

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ